“มิว ศุภศิษฏ์” แจงดราม่ามนต์รักลูกทุ่ง2567 เผยหายแล้วจากภาวะเบิร์นเอ้าท์ | daradaily

“มิว ศุภศิษฏ์” แจงดราม่ามนต์รักลูกทุ่ง2567 เผยหายแล้วจากภาวะเบิร์นเอ้าท์

        “มิว ศุภศิษฏ์” เผยที่กองภาพยนตร์ the pakage กรณีความสำเร็จจากงานแฟนมีตที่ญีปุ่นว่าแฮปปี้มากตอนนี้ลุยละคร 3 เรื่อง และเผยดราม่าละคร มนต์รักลูกทุ่ง2567ว่าตนเองหน้าไทย ขอให้ติดตามดูที่ผลงาน      

         “งานเยอะดีครับ สำหรับเรื่องงานตอนนี้มีถ่ายอยู่ 3 เรื่อง ผมพึ่งไปงานแฟนมีตติ้งที่โอซาก้ากลับมา นอกจากงานแฟนมีตติ้งก็อาจจะมีงานด้านแฟชั่น ด้านงานเพลง มีถ่ายละครหนึ่งเรื่องที่ต้องร้องเพลงเยอะเลยช่วงนี้อัดงานแน่นมาก แต่ก็ยังพอมีเวลาหลังเสร็จจากงานก็ไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆด้วย”

       เขาเผยถึงเรื่องซีรีส์ที่ลงทุนเองว่า “เรื่องซีรี่ย์ที่ลงทุนทำเองเล่นเอง ตอนนี้ก็เครียดเหมือนกัน ใช้งบประมาณไปเยอะมากๆ ใช้เวลาอาจจะเป็นปีเลย ตอนนี้น่าจะประมาณ 70% แล้ว อยากให้งานออกมาดีที่สุด เลยต้องใช้เวลาจัดการเยอะหน่อย ช่วงนี้เลยรับงานคนอื่นเต็มที่ จนไม่ทำงานตัวเองแล้ว”

        “พอเราได้มาทำงานเบื้องหลัง เราจะเห็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในกอง เวลาเราไปรับงานที่อื่น เราก็จะเห็นใจและเข้าใจคนอื่นมากขึ้นครับ”

       ส่วนกรณีดราม่าละครมนต์รักลูกทุ่ง2567 ที่วิจารณ์ว่าพี่คล้าวทองกวาวหน้าไม่ไทยนั้นเขาเผยว่า “ส่วนละครเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง 2567 บางคนอาจจะคิดว่าเป็นละครไทยแต่พระเอกนางเอก ทรงใบหน้าออกแนวฝรั่งๆจะเล่นเรื่องนี้เข้ากันมั้ย คือส่วนตัวผมเป็นลูกไทยเชื้อจีนนะครับในเวอร์ชั่นนี้ก็จะมีการปรับอะไรหลายๆอย่าง มีทั้งกลิ่นไอความเดิม และบริบทปัจจุบันที่ถูกใส่เข้าไป มีตัวละครที่เปลี่ยนแปลงบางอย่างไป อย่างเช่นบางตัวละครอาจจะถูกปรับให้เข้ายุคสมัยนี้มากขึ้น”

       “ส่วนดราม่าการร้องเพลง คือนักแสดงที่เล่นเรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นนักร้อง ตัวผมเองยังต้องปรึกษาพี่เขาอยู่ตลอดเลยว่าต้องร้องอะไรยังไง ยอมรับว่ากดดันมากๆ เพราะว่าเวอร์ชั่นเก่าๆคือทำไว้ดีมากมากครับ เราเลยทำการบ้านหนักมาก แล้วก็จะทำให้เต็มที่กับบทนี้ครับ”

       สำหรับกรณีที่เคยป่วยเป็นภาวะเบิร์นเอ้าท์เขาเผยว่า รักษาหายแล้ว “ถ้าทุกคนทราบ ผมเคยเป็นภาวะเบิร์นเอ้าท์ ( อาการของคนเบื่องาน หมดไฟ ) คือเราเป็นนักแสดง ศิลปิน เวลาเราหมดไฟกับงานมันทำให้ในหัวสมองเราว่างเปล่า ทำงานเหมือเป็นหุ่นยนต์ ไม่มีอะไรในหัวเลยตอนนั้น”

“เป็นอยู่นานมาก ในช่วงที่เป็น 2-3 ปีที่แล้ว ไม่ค่อยได้กลับบ้านไปเจอครอบครัวเลย ใช้เวลานานพอสมควรในการรักษา ทางด้านจิตแพทย์ก็ให้ข้อแนะนำมาว่า ต้องหาเวลาไปพักผ่อนบ้าง เผื่อจะได้ฮีลทั้งใจทั้งกาย เหมือนได้ออกไปเจอแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับตัวเราเอง อย่าลืมว่า ถ้าเราทำงานหนัก ต้องพักผ่อนให้หนักๆด้วย นอนให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนให้กับตัวเอง ( ตอนนี้ก็เลยเที่ยวไม่หยุดเลย ) ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วครับ เอนจอยในการทำงานมากขึ้นด้วย เวลาออกไปถ่ายละคร ทุกคนรอบข้างน่ารักมากๆ ทำให้อาการของเราดีขึ้นด้วยครับ”